อยากทำงาน Digital Marketing เตรียมตัวอย่างไร ใช้ทักษะใดบ้าง?

ในยุคสมัยที่ทุกสิ่งขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) เช่นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในอาชีพที่กำลังมาแรงที่สุดคือ นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer) เห็นได้จากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สายงาน Digital Marketing มีความต้องการพนักงานเพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เครื่องมือการตลาด เทคโนโลยี ตลอดจนเทรนด์ต่าง ๆ ในสังคม ต่างก็แข่งขันกันเพื่อหางาน Digital Marketing บางคนมีทักษะด้านการตลาดอยู่แล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยากนัก แต่อีกหลาย ๆ คนที่เพิ่งจบใหม่หรือยังไม่มีประสบการณ์ใด ๆ และมีความสนใจในงานด้านนี้ ก็อาจยังมีคำถามว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลสำหรับคนที่อยากทำงาน Digital Marketing เอาไว้ให้แล้ว!

หางาน Digital Marketing เด็กจบใหม่

หางาน Digital Marketing ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

เตรียมทักษะที่จำเป็นให้พร้อม

ไม่ใช่แค่การหางาน Digital Marketing เท่านั้น แต่ไม่ว่าเราจะหางานใด ๆ สิ่งแรกที่ทุกคนต้องมีก็คือทักษะที่จำเป็นสำหรับสายงานที่ตนเองอยากทำเสมอ ซึ่งในส่วนของงาน Marketing สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  • Strategy ความสามารถในการคิดและวางแผนอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ
  • Social – ความรู้ความเข้าใจในการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Instagram, Twitter, TikTok หรือ LINE
  • Search – ความรู้ความเข้าใจในด้านการทำการตลาดผ่าน Search Engine หรือเครื่องมือการค้นหาต่าง ๆ เช่น Google
  • Ads – การซื้อพื้นที่โฆษณาทั้งบนโซเชียลมีเดียและ Search Engine
  • Email – การทำการตลาดผ่านอีเมล หรือที่รู้จักกันในชื่อ Email Marketing
  • CRM (Customer Relationship Management) – การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • Analytics – การวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล
  • Project Management – ความสามารถด้านการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับทักษะข้างต้นนี้เรียกว่าเป็น Hard Skills หรือทักษะด้านสายงานโดยตรงสำหรับคนที่อยากทำงาน Digital Marketing แต่ในส่วนของ Soft Skills หรือทักษะทางสังคมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะทำงานในตำแหน่งอะไร เช่น หากต้องการทำงานในฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ทักษะที่ต้องมีก็ควรจะเป็นความสามารถในการพูดหรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ แต่ถ้าหากอยากทำงานในสายคอนเทนต์ ก็ควรมีทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และการถ่ายทอดเรื่องราว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม “ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น” ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนที่อยากทำงาน Digital Marketing จำเป็นต้องมีอย่างยิ่งเลยทีเดียว เนื่องจากสายงานนี้มักอาศัยการทำงานเป็นกลุ่มในการที่จะพาโครงการต่าง ๆ ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ดังนั้น หากใครกำลังหางาน Digital Marketing อยู่ ก็แนะนำว่าให้ลองเช็กตัวเองก่อนเลยว่ามีทักษะนี้หรือไม่

เตรียมสายงานที่สนใจ

สายงาน Digital marketing สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Generalist และ Specialist ดังนี้

Generalist

Generalist คือคนที่สามารถทำหลาย ๆ อย่างได้ดี เช่น ตำแหน่ง Account Executive หรือที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “AE (เออี)” ที่นอกจากจะต้องใช้ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์และการนำเสนองานกับลูกค้าแล้ว ยังต้องมีความรู้พื้นฐานที่เป็น Hard Skills ของ Digital Marketing ด้วย หรือแม้แต่ตำแหน่ง Web Project Manager (PM) ที่ถึงจะเน้นเรื่อง Soft Skills คล้าย ๆ กับตำแหน่ง AE แต่ก็ต้องรู้จักภาษาโปรแกรมเป็นอย่างดี เช่น มีความรู้เรื่อง Domain หรือ Hosting โดยตัวอย่างของตำแหน่งที่เป็น Generalist อื่น ๆ เช่น Project Manager (PM), Digital Planner, Business Development เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า Generalist คือสายงานที่ถึงแม้จะเน้น Soft Skills มากกว่า แต่ Hard Skills ก็ยังคงเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้นั่นเอง

Specialist

ในส่วนของ Specialist คือคนที่โฟกัสที่งานด้านใดด้านหนึ่งไปเลย เช่น ตำแหน่ง SEO Specialist ก็จะต้องมีความรู้เรื่องการทำ SEO เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ On-Page SEO หรือ Off-Page SEO ก็ตาม และที่สำคัญ งานที่เกี่ยวข้องกับ SEO ยังสามารถลงลึกไปกว่านั้นได้อีก ได้แก่ ตำแหน่ง Outreach Specialist ที่จะเชี่ยวชาญในเรื่องของ Off-Page SEO โดยเฉพาะ กล่าวคือ เป็นการทำ SEO โดยอาศัยปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ของเรา หรือก็คือการ Outreach ไปสร้าง Backlink จากข้างนอก นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งงานอื่น ๆ อีกที่อยู่ในสาย Specialist เช่น Content Writer, Graphic Designer, Video Editor เป็นต้น

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า สายงานของ Specialist จะต่างจาก Generalist ตรงที่เน้น Hard Skills มากกว่า Soft Skills นั่นเอง

เตรียมเลือกบริษัทที่อยากทำ

เป้าหมายการทำงานของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเราว่าต้องการพัฒนาตนเองในเรื่องใด และบริษัทแบบไหนที่เข้าไปแล้วชีวิตการทำงานของเราจะก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่า ในสายงาน Digital Marketing นั้นสามารถแบ่งรูปแบบองค์กรออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

In-House Marketing

คือ การทำงานในองค์กรธุรกิจทั่วไปที่มีสินค้าหรือบริการเป็นของตนเอง ซึ่งเราจะมีหน้าที่เข้าไปบริหารจัดการงาน Marketing ให้แก่องค์กรนั้น ๆ และถ้าหากองค์กรของเราไปใช้บริการ Digital Agency เราก็อาจจะได้เป็นคนกลางที่คอยประสานงานด้วย โดยสำหรับคนที่ทำ In-House Marketing จะมีตั้งแต่ Social Media Marketing, Marketing Strategy หรือ Sale Management เป็นต้น

ข้อดีของการทำ In-House Marketing
  • ได้โฟกัสที่สินค้าหรือบริการนั้น ๆ อย่างเต็มที่ เพราะทำงานให้แก่บริษัทเดียวคือบริษัทของตนเอง เช่น หากเราทำงานบริษัทด้านการเงิน เราก็จะได้รู้เรื่องการเงินแบบเชิงลึก หรือถ้าหากทำงานบริษัทนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ ก็จะได้รู้เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์แบบเชิงลึกเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่เราจะได้ก็ไม่ใช่ความรู้ด้าน Digital Marketing เพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรู้เรื่องอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมที่เราอยู่ด้วย
  • ได้ทำงานกับผู้คนหลากหลาย โดยหากเราเป็น In-House ให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ก็มีโอกาสสูงมากที่จะไม่ได้ทำงานแค่กับฝ่าย Marketing เพียงอย่างเดียว แต่จะได้ร่วมงานกับฝ่ายอื่น ๆ ด้วย เช่น Production, Sales, Procurement ฯลฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การที่เราโฟกัสกับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งนั้นก็สามารถเป็นข้อจำกัดได้เช่นกัน เนื่องจากหากในอนาคตเราต้องการเอาประสบการณ์ที่มีไปต่อยอดในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็อาจจะทำได้ยาก เช่น หากเราอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมาตลอด แต่วันหนึ่งอยากจะเปลี่ยนไปทำงานในสายยานยนต์ ก็อาจทำให้ไม่สามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีได้อย่างเต็มที่

Digital Agency

Digital Agency คือ องค์กรที่ให้บริการคำปรึกษาและวางแผนการตลาดแก่ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ เช่น “Primal” เองก็ถือเป็น Digital Agency เช่นเดียวกัน ซึ่งการทำงานในองค์กรประเภทนี้จะช่วยให้เราได้รับประสบการณ์ด้านการตลาดแบบเต็ม ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม

ข้อดีของการทำ Digital Agency
  • ได้ทำงานหลากหลาย ไม่จำเจ โดยปกติแล้ว Digital Agency จะไม่ได้ให้บริการลูกค้าแค่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเท่านั้น แต่จะมีลูกค้าที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้เราจะได้ทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปอยู่เป็นประจำ นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับการตลาดแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกด้วย
  • ได้ร่วมงานกับคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจริง ๆ เพราะใน Digital Agency จะโฟกัสไปที่เรื่องของการตลาดเป็นหลัก ดังนั้น พนักงานทุกคนในองค์กรจึงต้องมีความรู้ด้านนี้เป็นอย่างดี อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ความสามารถของเราเป็นอย่างมาก

อยากทำงาน Digital Marketing ต้องเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง?

โซเชียลมีเดีย

เรื่องพื้นฐานอย่างแรกที่ทุกคนที่อยากทำงาน Digital Marketing ต้องรู้ คือ การใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งในมุมมองของผู้ใช้งานและนักการตลาด เพราะถ้าหากเราเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มนั้น ๆ ก็จะทำให้เรารู้วิธีการโปรโมตแบรนด์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม อันจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดี

เครื่องมือทางการตลาด

เช่น เครื่องมือสำหรับ Facebook Ads, Google Ads รวมถึงโปรแกรมซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สมัครตำแหน่งที่ต้องใช้เครื่องมือเหล่านี้โดยตรง แต่การรู้ไว้ก็ถือเป็นภาษีที่ดีกว่า เพราะจะทำให้เรากลายเป็นบุคคลที่มีมูลค่าในสายตาขององค์กรที่รับสมัครงาน และดูมีทักษะที่เหนือกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ ได้

ความรู้ด้านการตลาดพื้นฐาน

ความรู้ด้านการตลาดพื้นฐานจะช่วยให้เรารู้จักวิธีคิดเชิงบริหารธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ การวางกลยุทธ์ การพัฒนาสินค้าและบริการ เป็นต้น ซึ่งหากเรามีความเข้าใจในส่วนนี้ เราก็จะสามารถทำงานด้าน Digital Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถซื้อหนังสือด้านการตลาดมาอ่าน หรือศึกษาได้จากคอร์สเรียนออนไลน์ที่มีอยู่ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต

วิธีการสร้างสรรค์คอนเทนต์

อีกหนึ่งสายงานที่เป็นที่นิยมมากในยุคนี้ก็คือคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบล็อก วิดีโอ โพสต์บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ หรือแม้แต่งานกราฟิก โดยหากเราจะสมัครงานสายนี้ก็จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ออกมาให้ดูมีความน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าได้ แต่ถึงจะไม่ได้สนใจงานสายนี้ การศึกษาเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะงานด้านคอนเทนต์นั้นมีแนวโน้มที่จะเติบโตมาก ๆ ในอนาคต ซึ่งเราอาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานประเภทนี้โดยที่ไม่ได้แพลนมาก่อนก็ได้

เทรนด์การตลาดในช่วงนั้น ๆ

ถ้าอยากหางาน Digital marketing เราจำเป็นต้องอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการตลาดและโฆษณาด้วย เพราะงานสายนี้ต้องตามให้ทันกระแสสังคมที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ด้วยความที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการโปรโมต ความเร็วจึงถือเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้วัดว่าเราจะสามารถโดดเด่นเหนือคู่แข่งได้หรือไม่ เพราะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมักเข้าไปมีส่วนร่วม (Engagement) กับคอนเทนต์ที่มาก่อนเสมอ

 

สรุป

ดังนั้น การทำงานในสาย Digital Marketing แม้เป็นเด็กจบใหม่ หรือไม่ได้จบตรงสายก็สามารถทำได้ เพียงแค่มีความรู้ความเข้าใจในด้านการตลาดพื้นฐาน และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ก่อนอื่น เราต้องรู้จักตนเองให้ดีพอว่ามีความถนัดในด้านใดบ้าง และศึกษาเรื่องนั้น ๆ ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะเตรียมตัวเพื่อหางาน Digital Marketing เพราะองค์กรที่รับสมัครงานจะไม่ปล่อยให้บุคคลที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหลุดมือไปอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม Primal ของเราเองก็กำลังเปิดรับสมัครผู้ที่มีความสนใจอยากทำงาน Digital Marketing อยู่เช่นกัน โดยสามารถเข้าไปดูตำแหน่งงานว่างได้ที่ สมัครงาน Digital Marketing ได้เลย!