PR Marketing คืออะไร มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างไร
ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร ผู้ประกอบการทุกรายก็ย่อมต้องอยากให้แบรนด์ของตนเองมีภาพลักษณ์ที่ดีกันทั้งนั้น แต่การจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาผู้บริโภคได้ ต้องทำผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การประชาสัมพันธ์การตลาด” หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นการสื่อสารออกไปยังผู้บริโภคอย่างเหมาะสมนั่นเอง
การประชาสัมพันธ์ เป็นวิธีที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องใช้ในการสื่อสารองค์กร ทั้งกับลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ สื่อต่าง ๆ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป เพราะไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ต่างก็ต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่น่าจดจำสำหรับสาธารณชนเสมอ เนื่องจากลูกค้าส่วนมากมักตัดสินใจเข้าหาและซื้อสินค้าผ่านความน่าเชื่อถือของแบรนด์ หากแบรนด์ไหนดูไม่เป็นมืออาชีพ ไม่น่าซื้อ-ขายด้วย ลูกค้าก็จะเลี่ยงแบรนด์นั้น ๆ แล้วหันไปหาอีกแบรนด์ซึ่งเป็นคู่แข่งทันที
ดังนั้น บทความนี้จึงจะพาไปทำความเข้าใจว่า PR Marketing คืออะไร และเหตุใดกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์การตลาดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโลกธุรกิจ
Table of Contents
PR Marketing คืออะไร
หากแปลตรงตัว PR หรือ Public Relations คือ การประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นการเผยแพร่ข้อมูลระหว่างบุคคลหรือองค์กรออกสู่สาธารณชน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือแก่แบรนด์ ทำให้ผู้บริโภคที่พบเห็นให้ความไว้วางใจในธุรกิจมากขึ้น
Public Relations หรือ การประชาสัมพันธ์ มักเป็นคำศัพท์ที่เราได้ยินคู่กับคำว่า “การตลาด” อยู่บ่อย ๆ เพราะสองปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่ตัดกันไม่ขาด โดย Public Relations คือ ปัจจัยที่ช่วยเน้นเรื่องภาพลักษณ์และการสื่อสาร ส่วนการตลาด คือ กระบวนการสื่อสารคุณค่าของสินค้าและบริการไปยังผู้บริโภค ดังนั้น การทำการตลาดทุกครั้งจึงต้องอาศัยการทำ PR อยู่เสมอ
สรุปได้ว่า PR Marketing คือ หน้าที่ส่วนหนึ่งในการสื่อสารการตลาด โดยใช้กลยุทธ์ของการประชาสัมพันธ์ในการสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสาธารณชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งในส่วนนี้เองที่ทำให้ PR Marketing ต่างจาก Advertising หรือการโฆษณาทั่วไป เนื่องจากการโฆษณาจะเน้นไปที่สินค้าในเชิง “สินค้านี้ดี ลูกค้าควรซื้อสินค้านี้” ในขณะที่ PR Marketing จะเน้นการสร้างทัศนคติที่ดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และทำให้ลูกค้าหันมาสนใจสินค้าของแบรนด์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องโฆษณา
PR Marketing มีอะไรบ้าง
PR Marketing นั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยสามารถเป็นได้ทั้งคำพูดและลายลักษณ์อักษร และไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นการออกมาบอกอะไรบางอย่างเสมอไป แต่แค่เป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ได้
เมื่อเข้าใจแล้วว่า PR Marketing คืออะไร ไปดูกันว่าแนวทางที่นับว่าเป็น PR Marketing มีอะไรบ้าง
- การให้ข่าว หรือให้การสัมภาษณ์กับสื่อ
- การประกาศข่าวสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่แบรนด์มีอยู่
- การเป็นสปอนเซอร์
- การจัดโครงการบางอย่างเพื่อสังคม
- การทำ CSR (Corporate Social Responsibility) หรือกิจกรรมเพื่อสังคม
- การทำ CSV (Creating Shared Value) หรือการสร้างคุณค่าร่วมกัน
- การจัดกิจกรรมพิเศษ (Event)
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสังคม
นอกจากนี้ PR Marketing ในบางครั้งก็ไม่ใช่การให้ข้อมูลเชิงบวกแก่สังคมเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นข้อมูลในแง่ลบก็ได้เช่นกัน อาทิ การออกมายอมรับความผิดพลาดจากการดำเนินงาน เพื่อให้ลูกค้ายังสามารถไว้วางใจได้ว่า อย่างน้อยแบรนด์ก็มีความซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่ปิดบังข้อมูล ไม่สร้างภาพโดยการแจ้งข้อมูลเท็จ โดยทางแบรนด์จะต้องคิดวิธีการขอโทษ อธิบายเหตุผล และวิธีสื่อสารให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
ข้อดีของ PR Marketing คืออะไร
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า PR Marketing คือ การสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ แต่ความจริงแล้ว PR Marketing ยังมีประโยชน์อื่น ๆ มากกว่านั้น เช่น
- ทำให้เกิดภาพจำของแบรนด์
- สามารถรักษาลูกค้าไว้ได้ในระยะยาว
- ประหยัดต้นทุนได้มากกว่าการทำโฆษณาหลาย ๆ ชิ้น
- เมื่อลูกค้าเกิดความเชื่อถือในแบรนด์ ลูกค้าก็จะเชื่อว่าสินค้าและบริการของแบรนด์ดีจริงโดยที่ไม่ต้องโฆษณาเยอะ ๆ
- ลูกค้ามีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำในอนาคต
- ได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่ม เพราะภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์จะกระจายสู่วงกว้าง
- ทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ข้อดีของ PR Marketing คือ เรื่องของความสัมพันธ์อันดีในระยะยาวระหว่างแบรนด์กับสาธารณชน เพราะเมื่อลูกค้าเชื่อว่าแบรนด์ของเรามีคุณภาพจริง ลูกค้าก็จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการเอง โดยที่เราไม่ต้องลงทุนลงแรงทำโฆษณาเยอะ ๆ นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีโอกาสที่จะกลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อคนใกล้ตัวเกี่ยวกับแบรนด์ของเราอีกด้วย
ข้อจำกัดของ PR Marketing คืออะไร
เมื่อมีข้อดีแล้ว ก็ย่อมต้องมีข้อจำกัด เพราะความจริงแล้ว PR Marketing อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมการตลาด เพียงแค่มีข้อได้เปรียบบางประการ ไม่เช่นนั้น ทุกแบรนด์ก็คงไม่ต้องทำโฆษณา แล้วหันมาใช้กลยุทธ์ PR Marketing กันหมด โดยข้อจำกัดของ PR Marketing ได้แก่
- ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เรื่องที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ทันที
- ไม่ได้พูดถึงสินค้าหรือบริการเลย เป็นแค่การสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น
- ไม่ได้เป็นการกระตุ้นยอดขายโดยตรงเหมือนกับการโฆษณาหรือการทำโปรโมชัน ส่งผลให้ PR Marketing ไม่ได้ช่วยเรื่องการเพิ่มยอดขายมากนัก
สรุปแล้ว ข้อจำกัดของ PR Marketing คือ การไม่ได้พูดถึงสินค้าหรือบริการของเราโดยตรง เพราะเน้นแค่การสื่อสารกับสาธารณชนเท่านั้น ทำให้ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทำให้เกิดความเชื่อใจ เชื่อมั่นในแบรนด์ และไว้ใจที่จะใช้สินค้าหรือบริการ อีกทั้งยังไม่สามารถเพิ่มยอดขายได้แบบทันทีทันใดเหมือนการทำโฆษณาด้วย ดังนั้น จึงควรใช้ทั้งกลยุทธ์ PR Marketing และการโฆษณาควบคู่กันไป เพื่อส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์และยอดขายไปพร้อม ๆ กัน
ช่องทางและรูปแบบในการทำ PR Marketing คืออะไร
ในการทำ PR Marketing นั้น นอกจากจะทำได้หลายวิธีแล้ว ยังสามารถทำได้หลายช่องทางอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้เราจะมาดูกันว่า รูปแบบการประชาสัมพันธ์การตลาดมีอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร และเราจะใช้ประโยชน์จากแต่ละรูปแบบได้อย่างไร
ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อส่วนตัว (Own Media)
คือ ช่องทางการสื่อสารของบุคคล หรือองค์กร เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย บล็อก หรืออีเมล เป็นต้น โดยการสื่อสารรูปแบบนี้คือการสื่อสารที่นักการตลาดสามารถควบคุมได้ง่ายที่สุด ส่วนมากจะเป็นการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มคนที่ติดตามและเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ประชาสัมพันธ์ผ่านการซื้อสื่อ (Paid Media)
คือ การทำ PR Marketing ผ่านการซื้อพื้นที่สื่อ ซึ่งในที่นี้ รวมถึงการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ การซื้อพื้นที่โฆษณาต่าง ๆ และการทำการตลาดแบบเสียเงิน เช่น การตลาดบน Facebook ด้วย โดยการประชาสัมพันธ์รูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่นักการตลาดส่วนมากมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เพราะสามารถกระจายการรับรู้ได้ในวงกว้างเรื่อย ๆ และเห็นผลจริง ตราบใดที่ยังมีงบการตลาด
ประชาสัมพันธ์ผ่านการพูดถึง (Earned Media)
คือ การประชาสัมพันธ์ผ่านการให้คนอื่นพูดถึงแบรนด์ของเรา เช่น มีคนเขียนข่าวถึงเรา ลูกค้าเขียนบทความออนไลน์ชื่นชมเรา ตลอดจนการที่เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google หรือที่เรียกว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) นั่นเอง การทำ PR Marketing รูปแบบนี้จึงถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด เพราะทุกการสื่อสารมีความจริงใจจากผู้เขียน ผู้อ่านจึงมั่นใจได้ว่าไม่มีการปรุงแต่งเนื้อหาจากทางแบรนด์เอง เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้อื่นพูดถึงเรา
กระนั้น การถูกพูดถึงก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ทุกแบรนด์จึงต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อพิสูจน์ตนเองให้สาธารณชนเห็นว่าแบรนด์ของเราดีจริง จนสามารถทำให้เกิดการพูดถึงได้ในที่สุด
สรุป
จะเห็นได้ว่า PR Marketing คือ หนึ่งในกระบวนการช่วยทำการตลาดในระยะยาว เพราะแทนที่เราจะเอาเงินไปลงทุนกับการทำโฆษณาอย่างเดียว เพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อสินค้าเราแบบทันทีทันใด ซึ่งไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าลูกค้าคนดังกล่าวจะกลับมาซื้อสินค้าของเราซ้ำอีกครั้งในอนาคต เราเลือกที่จะสร้างภาพลักษณ์ในระยะยาว เพื่อให้ลูกค้าจดจำและนึกถึงเราเป็นอันดับแรกเสมอก่อนด้วยการทำ PR Marketing จากนั้น ลูกค้าก็จะกลับมาหาเราเรื่อย ๆ เอง
อย่างไรก็ตาม หากทำ PR Marketing เดี่ยว ๆ ก็อาจจะไม่ได้ทำให้เกิดประสิทธิภาพทางธุรกิจสูงสุด ดังนั้น การทำโฆษณายังถือว่าจำเป็นมาก ๆ ในการทำการตลาดอยู่ เพราะในขณะที่ PR Marketing ช่วยเน้นเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การโฆษณาจะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นยอดขาย ซึ่งถ้าสามารถทำควบคู่กันไปได้ รับรองว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน
หากรู้สึกว่าไม่มีเวลามากพอที่จะทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ให้ Primal Digital Agency ช่วยเรื่องโฆษณา ส่วนคุณเอาเวลาไปโฟกัสกับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาดให้มากยิ่งขึ้น ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment