SEM อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการทำเว็บไซต์ของคุณ

ในโลกของการทำการตลาดออนไลน์ มีหลากหลายเครื่องมือที่คุณสามารถใช้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งหลายคนอาจจะนึกถึงการทำ SEO ที่ได้รับความนิยมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าพูดถึงการทำ SEO แล้ว จะไม่กล่าวถึงอีกหนึ่งวิธีก็คงไม่ได้ เพราะมีความใกล้เคียงกันอยู่ ซึ่งนั่นก็คือการทำโฆษณาแบบเสิร์ชค้นหาอย่าง SEM นั่นเอง 

SEM คืออะไร

SEM คืออะไร?

SEM หรือ Search Engine Marketing คือการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการโฆษณาเสิร์ชหรือแคมเปญต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือค้นหาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ อย่าง Google หรือ Yahoo! แต่ในบางกรณี SEM ยังอาจหมายถึงกระบวนการทางการตลาดออนไลน์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นบนเครื่องมือค้นหา แม้ว่าจะไม่ต้องเสียเงินโฆษณาก็ตาม

ดังนั้นหากจะกล่าวว่า SEM คือ ชุดเครื่องมือ เทคนิค หรือแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นและเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณบนเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ ก็คงไม่ผิดนัก โดย SEM จะเป็นการผนวกรวมเอาทั้งศาสตร์แห่งการสร้าง SEO และการซื้อโฆษณาบนเสิร์ชเอนจินเข้าไว้ด้วยกัน

องค์ประกอบสำคัญของ Search Engine Marketing

  • Keywords: แน่นอนว่าในเมื่อการทำ SEM นั้นเกี่ยวข้องกับเครื่องมือค้นหาโดยตรง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการศึกษา Keywords ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใช้เพื่อค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเขาสนใจหรือต้องการ โดยอาจจะเป็นข้อความสั้น ๆ หรือชุดข้อความก็ได้ เช่น ‘Primal’ หรือ ‘Primal คือ’ เป็นต้น
  • Text Ad: เมื่อการทำ SEM นั้นมีเรื่องของการโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ การตั้งชื่อที่น่าดึงดูดใจของหัวข้อ (Tittle) หรือมีคำอธิบายสั้น ๆ (Description) รวมถึงการสร้างลิงก์เฉพาะ (Customize Link) จึงมีความสำคัญชนิดที่พลาดไม่ได้เช่นกัน
  • Ad Group: โครงสร้างของการทำการตลาดออนไลน์ มักจะประกอบไปด้วยแคมเปญและโฆษณาแยกย่อยต่าง ๆ โดยการกำหนดกลุ่มของโฆษณา จะทำให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
  • Search Network: การโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ นอกจากผลลัพธ์จะแสดงผลบนด้านบนสุดของเครื่องมือค้นหาแล้ว คุณยังสามารถกำหนดให้โฆษณานั้น ๆ แสดงผลลัพธ์ในหน้าอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น หากคุณทำการโฆษณาบน Google คุณก็สามารถกำหนดให้ผลลัพธ์ไปแสดงบนหน้าอื่น ๆ ทั้งใน Google Shopping หรือ Google Maps หรือในปัจจุบันหากคุณซื้อโฆษณาของ Facebook ผลลัพธ์ก็จะไปแสดงบน Instagram ด้วยเช่นกัน
  • Impressions: จำนวนครั้งที่โฆษณาของคุณแสดงบนหน้าผลลัพธ์ของผู้ใช้งาน
  • Clicks: จำนวนครั้งที่ผู้ใช้กดเข้าไปดูโฆษณาของคุณ
  • CTR (Click Through Rate): อัตราการคลิกต่อจำนวน Impressions
  • CPC (Cost Per Click): ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากยอดการคลิ๊กผ่านโฆษณา โดยในส่วนนี้คุณยังสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายได้เองด้วย 
  • Quality Level: ค่าการวัดคุณภาพและความน่าเชื่อถือของบทความและโฆษณาของคุณ ด้วยการคำนวณคะแนนจาก Keywords และ CPC โดยยิ่งโฆษณาของคุณมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่าย CPC ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

ข้อดีและข้อเสียของ SEM

ข้อดี

  • คุณสามารถทราบถึงผลลัพธ์ของการโฆษณาได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยระบบประมวลผลที่ให้รายละเอียดในด้านต่าง ๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งคุณยังสามารถทำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์แผนการตลาดในอนาคตได้อย่างง่ายดาย
  • คุณสามารถดูผลลัพธ์ของการโฆษณาได้ทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งในวินาทีปัจจุบันเพื่อตรวจสอบการทำงานของโฆษณาว่าให้ผลลัพธ์อย่างที่คุณตั้งใจไว้หรือไม่ ที่สำคัญคุณยังสามารถปรับเปลี่ยนและแก้ไขได้ทันที หากต้องการทำให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น 
  • คุณสามารถกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายได้และค่าใช้จ่ายนั้น ๆ จะถูกหักไปก็ต่อเมื่อมีคนคลิ๊กเข้ามาดูแล้วเท่านั้น
  • ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครบถ้วนมากขึ้น
  • เหมาะสมกับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าคุณจะเป็น Startups, SME หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่

ข้อเสีย

  • คุณจะต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาเพราะระบบของ SEM จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อคุณจ่ายเงินและในระยะยาวอาจทำให้คุณเสียค่าโฆษณาที่มากขึ้นได้
  • สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ SEM ได้รับความสนใจจากแทบทุกธุรกิจ ดังนั้นย่อมมีการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย 
  • เนื่องจากว่า SEM เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการโฆษณา ผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือแอปฯ ต่าง ๆ อาจรู้สึกเกิดความรำคาญใจ ซึ่งหากพวกเขาทำการติดตั้ง Plugins เพื่อบล็อกการโฆษณา และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มเป้าหมายก็ตาม ผู้ใช้งานเหล่านั้นก็จะไม่สามารถเห็นโฆษณาของคุณได้ ซึ่งอาจทำให้คุณเสียเงินโดยใช่เหตุ 

ตัวอย่าง Search Engines ที่นิยมใช้กันสำหรับ Search Engine Marketing

Google Ads: เครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้ง Google ยังมีการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับกับรูปแบบของทั้ง SEO และ SEM รวมถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม

Bing Ads: การเสิร์ชผ่าน Microsoft นั้นก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน แต่การทำงานของ Bing Ads นั้นก็จะมีความแตกต่างจากเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ อย่างเช่น การกำหนดคีย์เวิร์ด, รูปภาพหรือแม้แต่ราคาขั้นต่ำของการโฆษณา

Yahoo! Ads: อีกหนึ่งเครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ โดยระบบของ Yahoo! ได้ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับกับ SEM ที่หลากหลาย ทั้ง Search Ads, Display Ads และ Sponsored Ads

หลังจากที่คุณได้คำตอบไปแล้วว่า SEM คืออะไร ในท้ายที่สุดนี้ เราอยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่าในการทำการตลาดออนไลน์นั้น มีเครื่องมือและองค์ประกอบมากมายที่คุณจำเป็นต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนเพราะหลาย ๆ เครื่องมือก็สามารถเกื้อกูลกันและกัน และสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อการทำธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้ว่าตอนนี้คุณจะรู้หลักการของการทำ Search Engine Marketing (SEM) ไปบ้างแล้ว แต่ก็อย่าลืมใส่ใจกับองค์กระกอบและหลักการในการสร้าง Search Engine Optimization (SEO) กันด้วย เพราะทั้งสองอย่างนี้ต้องไปควบคู่กัน ถึงจะให้ผลลัพธ์อย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้!