SEO Audit

รายการฟีเจอร์ต่างๆ

  • คะแนนการใช้งานและ SEO เฟรนด์ลี่
  • แท็ก HTML: คำแนะนำเกี่ยวกับความยาวแท็ก ชื่อแท็ก คำอธิบายที่อาจมีบางส่วนหายไป และการใช้ H1
  • รายงานคุณภาพของคอนเทต์ รวมถึงความยาวของเนื้อหาและหน้าเพจที่อาจซ้ำกัน
  • หาจุดสำคัญที่ต้องโฟกัสและการเลือกใช้คีย์เวิร์ด
  • สรุปภาพรวมของการปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลงตามคำแนะนำ
  • การให้คำแนะนำเพื่อจัดอันดับลิงก์ภายใน
  • การจัดอันดับความเร็วหน้าเว็บไซต์ รวมถึงเวลาที่ตอบสนอง และการคัดแยกหน้าต่างๆ
  • รายละเอียดโครงสร้างของข้อมูลและการให้คะแนน Backlink

การตรวจสอบ SEO เป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรกของเส้นทางเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ การตรวจสอบเทคนิค SEO ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ควรทำ เพราะเป็นขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการเปิดตัวแคมเปญ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเลื่อนขึ้นอย่างต่อเนื่องในการจัดอันดับบนหน้าเสิร์ชเอนจิ้น และเมื่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณดีขึ้น คุณจะเห็นการแปลงและยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

การตรวจสอบ SEO คืออะไร

แน่นอนว่าคุณไม่สามารถสร้างบ้านได้โดยไม่มีความรู้พื้นฐาน ในเรื่องการตรวจสอบ SEO ก็เช่นเดียวกัน เพราะนี่ถือเป็นฐานอันแข็งแกร่งของเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าการตรวจสอบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้นจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และคุณจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาแก้ไขสิ่งต่างๆ อีกแล้ว โดยการใช้เครื่องมือตรวจสอบ SEO เหล่านี้ จะทำให้เว็บไซต์ดีพอที่จะเริ่มทำการเพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาจากย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการดำเนินงานที่ไม่ครอบคลุมในเบื้องต้น

การตรวจสอบ SEO คือกระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์สอดคล้องกับไปในแนวกันกับอุตสาหกรรมของแบรนด์นั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้เว็บมาสเตอร์มีรากฐานที่แข็งแกร่งในการสร้างแคมเปญ SEO ที่ประสบความสำเร็จ โดยแคมเปญ SEO ที่ประสบความสำเร็จนั้น จะมีความสำคัญต่อการใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงมีขั้นตอนบางอย่างที่ต้องดำเนินการในการตรวจสอบ SEO เหล่านี้ โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งเฉพาะ เคร่งเหมือนๆ กับนักบินที่ต้องทำเช็กลิสต์ก่อนถึงจะออกเครื่องบินได้ ซึ่งแน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบทำก็เพื่อรับรองว่าขั้นตอนทุกอย่างจะสามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ก่อนที่คุณจะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของตัวเอง

อ่านต่อ...

รายการตรวจสอบ SEO มีอะไรบ้าง?

รายการตรวจสอบ SEO นี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณเช็กขั้นตอนที่จำเป็นตั้งแต่ต้นจนจบ และข้อมูลต่อไปนี้คือขั้นตอนต่างๆ สำหรับการตรวจสอบ SEO

1. เช็ก Check Robots.txt และ แผนผังเว็บไซต์ XML

เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถพบเห็นได้ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) สิ่งสำคัญคือการที่ไฟล์ทั้งสองนี้ (Robots.txt และ แผนผังเว็บไซต์ XML) ได้รวมอยู่ในการโค้ดดิ้งเว็บไซต์ ซึ่ง Robots.txt เป็นไฟล์ข้อความพื้นฐานที่วางไว้ในไดเรกทอรีของเว็บไซต์และอ้างอิงตำแหน่งแผนผังไซต์ XML ส่วนนี้นี่เองที่จะเป็นตัวบอกเครื่องมือค้นหาว่าส่วนใดของเว็บไซต์ของคุณที่จะต้องถูกรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ยังเป็นตัวกำหนดอีกว่าบอทใดจะได้รับอนุญาตหรือไม่ได้อนุญาตให้รวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ โดยมันจะทำหน้าที่เหมือนป้ายบอกทางโดยหาตำแหน่งที่คุณได้อัปโหลดคีย์เวิร์ดหลักๆ ที่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้นี่เองจะเป็นตัวที่ช่วยให้คุณได้รับจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น

แผนผังเว็บไซต์ XML เป็นไฟล์ที่จะมีลิสต์ทุกเพจบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งไฟล์นี้ยังสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละ URL ในรูปแบบของ meta data หรือภาพตัวอย่างของเนื้อหาที่อยู่ใน URL ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทำงานร่วมกับ Robot.txt แผนผังเว็บไซต์ XML แล้วจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาบอทรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเว็บเพจทั้งหมดในเว็บไซต์ โดยคุณสามารถตรวจสอบไฟล์ Robots.txt และ แผนผังเว็บไซต์ XML ได้ด้วยสามขั้นตอนต่อไปนี้:

Screenshot

1) หาที่ตั้งแผนผังเว็บไซต์ URL

แผนผังเว็บไซต์ XML ส่วนใหญ่สามารถตรวจสอบได้โดยการเพิ่ม /sitemap.xml ตามด้วยโดเมนหลัก ตัวอย่างเช่น พิมพ์ www.example.com/sitemap.xml ลงในเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ
อย่างที่เห็นในภาพด้านบน primal.co.th มีแผนผังของเว็บไซต์หลายรายการ
นี่เป็นกลยุทธ์ขั้นสูงที่จะสามารถช่วยเพิ่มการจัดทำดัชนีให้เว็บไซต์ของคุณและเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ในบางกรณีได้อีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญจาก เว็บ Moz.com เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับประโยชน์ของแผนผังเว็บไซต์ไว้หลายอย่าง หากคุณไม่พบแผนผังบนเว็บไซต์ของคุณ คุณจำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ โดยคุณสามารถใช้ เครื่องมือสร้างแผนผังเว็บไซต์ XML หรือใช้ข้อมูลที่มีได้ที่ Sitemaps.org .

2) หาที่ตั้งของไฟล์ Robots.txt

Robots.txt URL สามารถตรวจสอบได้โดยการเพิ่ม /robots.txt ตามด้วยโดเมนหลัก ตัวอย่างเช่นพิมพ์ www.example.com/robots.txt ลงในเบราว์เซอร์ของคุณ

หากมีไฟล์ Robots.txt อยู่แล้ว ให้ลองตรวจสอบดูว่ารูปแบบการเขียนโปรแกรมถูกต้องตามกฎหรือไม่ โดย Syntax หมายถึงการใช้ถ้อยคำและการสะกดคำของชื่อไฟล์ หากไม่มี คุณจะต้องสร้างไฟล์และเพิ่มไปยังไดเรกทอรีของเว็บเซิร์ฟเวอร์ (คุณจะต้องเข้าถึงเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณ) โดยปกติจะเพิ่มในตำแหน่งเดียวกับ "index.html" หลักของเว็บไซต์ แต่อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่ใส่จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ด้วย

Screenshot

3) เพิ่มตำแหน่งของ Sitemap ลงใน Robots.txt (หากยังไม่มี)

เปิด Robots.txt และวางคำสั่งด้วย URL ใน Robots.txt ของคุณ เพื่อให้สามารถค้นหาแผนผังเว็บไซต์ XML ได้โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น:

Sitemap: www.example.com/sitemap.xml
The robots.txt file will be:

Sitemap: www.example.com/sitemap.xml

User-agent:*

Disallow: /wp-admin/

Allow: /wp-admin/admin-example.php

ตัวอย่างภาพด้านบนจาก primal.co.th แสดงให้เห็นว่า www.example.com/robots.txt ควรมีลักษณะแบบไหนเมื่อมีการเพิ่มแผนผังเว็บไซต์สำหรับการค้นหาแบบอัตโนมัติ

2. ตรวจสอบโปรโตคอลและเวอร์ชั่นที่ซ้ำกัน

ขั้นตอนที่สองของการตรวจสอบ SEO ทางเทคนิคคือ การตรวจสอบทุกหน้าตามลิสต์ด้านล่าง เพื่อเช็คว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงเว็บต่างๆ เหล่านี้ได้ทั้งหมดหรือไม่หรือสามารถนำผู้ชมไปยังเว็บไซต์ที่ถูกต้องได้หรือเปล่า

  • https://example.com
  • https://example.com/index.php
  • https://www.example.com
  • https://www.example.com/index.php

สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องรู้คือ Google ต้องการเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS มากกว่า HTTP HTTPS (Secure HyperText Transfer Protocol) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ปลอดภัยสำหรับ HTTP (HyperText Transfer Protocol)

เนื่องจากต้องการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้นสำหรับระบบชำระเงินที่ต้องโชว์หมายเลขบัญชีธนาคารและข้อมูลบัตรเครดิต จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่จะใช้ HTTPS เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดนี้

3. การตรวจสอบอายุโดเมน

การตรวจสอบอายุโดเมนของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากอาจมีผลต่อการจัดอันดับ SERP เว็บไซต์ สำหรับเว็บที่ไม่ได้มีการอัปเดตข้อมูลใดๆ เลยมาเป็นระยะเวลานานๆ จะมีผลกระทบต่อการจัดอันดับอย่างแน่นอน

ใช้ whois.domaintools.com เพื่อที่จะ

  • ดูว่าเว็บไซต์นี้เก่าหรือใหม่
  • สะท้อนถึงข้อมูล Backlinks (โดยทั่วไปแล้วอายุของโดนเมนเก่าเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีข้อมูลหรือจำนวนของ Backlinks มากเท่านั้น)
Screenshot

4. ตรวจความเร็วของหน้าเว็บไซต์

จากเค้าโครงของ ผู้เชี่ยวชาญที่ Moz.com , ความเร็วของเวบไซต์ หรือ PageSpeed เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญสำหรับการจัดอันดับของ Google โดยเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ขัดขวางไม่ให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำยังไงให้ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เร็วขึ้นสูงสุด

ความเร็วในการโหลดของเว็ปไซต์คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ “tools.pingdom.com” ซึ่งเครื่องมือนี้สามารถหาข้อมูลได้โดยอ้างอิงจากเวลาโหลด และดูจากประสิทธิภาพการใช้งานของเว็บไซต์ของคุณเมื่อเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ

ความเร็วในการโหลดของเว็ปไซต์คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ “tools.pingdom.com” ซึ่งเครื่องมือนี้สามารถหาข้อมูลได้โดยอ้างอิงจากเวลาโหลด และดูจากประสิทธิภาพการใช้งานของเว็บไซต์ของคุณเมื่อเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ

ในการพัฒนาความเร็วของการโหลดแต่ละหน้า เว็บมาสเตอร์ควรดูที่การบีบรูป การใช้เครือค่ายการส่งบทความ และลดเวลาการตอบสนองของเซิฟเวอร์ การจัดการระบบโค้ดดิ้งเอหรือขนาดของรูปที่ใหญ่เกินไปก็มีส่วนทำให้เวลาโหลดหน้าเว็บช้าลง ดังนั้นจึงควรที่จะตรวจสอบความเร็วเว็บไซต์ของคุณทั้งในรูปแบบของ มือถือ และคอมพิวเตอร์

Screenshot

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาความเร็วในการโหลดหน้าเว็บได้ที่ Google’s PageSpeed insights .

5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของ URL

มีตัวแปรที่หลากหลายในการตรวจสอบเมื่อประเมินต้องความสมบูรณ์แบบของ URL ซึ่งประกอบไปด้วย

Page title

Page title (หรือ title tag) ต้องสามารถสื่อถึงใจความของหน้าเว็บ โดยต้องมีความแม่นยำและกระชับเพื่อนิยามว่าหน้านั้นๆ ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร โดย Page title จะปรากฏในหน้าการค้นหา SERPs (สามารถดูตัวอย่าง Meta Description ด้านล่าง) รวมถึง แท็บของเบราว์เซอร์ ซึ่งควรมีความยาวอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 70ตัวอักษร ซึ่ง Page title จะถูกใช้โดยเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้เว็บไซต์เพื่อสื่อถึงหัวข้อของหน้าเว็บนั้นๆ ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าผ่านการตรวจสอบอย่างถูกต้องด้วยคีย์เวิร์ดที่สำคัญและมีความเกี่ยวข้องกัน

Meta description

Meta description จะไม่ส่งผลกระทบต่อ SEO โดยตรง แต่จะมีผลทางอ้อมเพราะ Meta description จะต้องทำหน้าที่อธิบายเนื้อหาหน้านั้นๆ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ Meta description จะต้องถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทุกหน้าและไม่ซ้ำกันเพื่อที่จะได้อธิบายหน้าเว็บเพจแต่ละหน้าได้อย่างถูกต้องแทนที่จะเป็นข้อความที่ตัดมาจากหน้าเว็บโดยตรง สามารถใช้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอย่าง Snippet Optimizer ที่จะทำให้ง่ายต่อการสร้าง Meta description ซึ่งจะต้องมีความยาวที่ถูกต้อง (156 ตัวอักษรหรือน้อยกว่า) หมายเหตุ: เครื่องมือนี้สามารถใช้ตรวจสอบ Page Title ได้เช่นเดียวกัน

Screenshot

Canonicalization

คำนี้คือคำที่ใช้กันทั่วไปเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะไม่มีหน้าเว็บหลายเวอร์ชั่น ซึ่ง Canonicalization นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่มี เสิร์ชเอ็นจิ้นก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหน้าเว็บไหนที่จะแสดงตัวว่ามีผู้ใช้งานอยู่ ซึ่งการใช้ เนื้อหาเดียวกันในหลายๆ เวอร์ชั่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการทำซ้ำ ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าเว็บของคุณได้แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Canonicalization ครบทุกจุด

หากหน้าเว็บมาสเตอร์มีหลายเวอร์ชั่นจริง จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเส้นทางเวอร์ชั่นเหล่านี้ไปเป็นเวอร์ชั่นที่โดดเด่น ทำได้โดยการเปลี่ยนเส้นทาง 301 หรือโดยใช้แท็ก canonical ที่จะช่วยให้คุณสามารถระบุในส่วนหัวของ HTML ว่า URL ไหนที่ควรจะเป็นแบบ Copy และอันไหนที่จะตั้งชื่อ URL ให้เป็นหน้าเว็บที่บอทควรจะเข้ามาอ่านแทน

ตัวอย่าง:
ในส่วนของ HTML Header ของหน้าที่กำลังโหลดบน URL นี้ https://primal.co.th/index.php ควรที่จะมี Parameter รูปแบบนี้

Screenshot

https://www.primal.co.th/ has been specified as the main version of the homepage URL that the bots should crawl.

Headings (H1, H2, etc…)

เมื่อทำการตรวจสอบเว็บไซต์ SEO ควรมีการตรวจสอบในส่วน headings ของหน้าเพื่อให้แน่ใจว่ามีกลุ่มคำหรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรปรับให้ดูสมบูรณ์แบบมากเกินไป (เช่นคีย์เวิร์ดเดียวกันไม่ควรใช้ในหลาย headings บนหน้าเดียว)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า headings แต่ละส่วนนั้นไม่ซ้ำกันและมี headings เฉพาะสำหรับแต่ละหน้าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน

Index, noindex, follow, nofollow, etc…

Meta tags เหล่านี้จะทำหน้าที่บอกเสิร์ชเอนจิ้นว่าควรปรากฏหรือติดตามลิงก์ที่อยู่ในหน้านั้นๆ หรือไม่
Index - บอกเสิร์ชเอนจิ้นให้วัดผลเฉพาะหน้านั้นๆ
Noindex - บอกเสิร์ชเอนจิ้นว่าไม่ให้แสดงผลหน้านั้นๆ
Follow - บอกเสิร์ชเอนจิ้นว่าให้ติดตามลิงก์บนหน้านั้นๆ
Nofollow - บอกเสิร์ชเอนจิ้นว่าไม่ให้ติดตามลิงก์บนหน้านั้นๆ

Response codes – 200, 301, 404 etc.

ตรวจสอบสถานะการโต้ตอบของโค้ด HTTP อันไหนถูกส่งคืน เมื่อเสิร์ชเอนจิ้นหรือผู้ใช้เว็บใส่รีเควสลงในเบราว์เซอร์ การตรวจสอบโค้ดตอบกลับของแต่ละหน้าเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากบางโค้ดอาจมีผลกระทบในด้านลบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และ SEO
200: ทุกอย่างเป็นปกติดี
301: ไดเร็กเปลี่ยนอย่างถาวร ข้อมูลทุกอย่างจะถูกย้ายไปที่ใหม่
302: เปลี่ยนไดเร็กชั่วคราว โดยที่ข้อมูลทุกอย่างจะถูกย้ายไปที่ใหม่ยกเว้น “Link juice”
404: หน้าเพจนั้นๆ ไม่สามารถพบเจอ ซึ่งแปลว่าหน้าต้นฉบับนั้นได้หายไปและผู้เข้าชมอาจจะเห็นคำว่า 404 Error Page
500: เซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด; จะไม่มีการส่งคืนหน้าเพจทั้งผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และบอตของเสิร์จเอนจิ้นจะไม่สามารถค้นหาข้อมูลได้
503: ทางเลือก 404; โค้ดการตอบสนองนี้เป็นทางหลักที่จะให้ผู้เยี่ยมชม "กลับมาใหม่ในภายหลัง"
มีข้อมูลดีๆ อีกเพียบที่จะช่วยให้ข้อมูลในเรื่องของการตอบสนองของโค้ด

การนับคำ/คอนเทนต์น้อย

นับตั้งแต่ Google เปิดตัวอัลกอริทึ่ม Panda Update คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาน้อยจึงได้กลายเป็นปัญหาอย่างจริงจังสำหรับเว็บมาสเตอร์ทั่วโลก ซึ่งคอนเทนต์ที่เนื้อหาน้อยนั้นสามารถหมายถึงบทความที่ทั้งมีคำสั้นและเนื้อหาน้อย ที่ไม่สามารถให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ได้เลย

สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์มีผู้เข้าชม (และเสิร์ชเอนจิ้น) ด้วยเนื้อหาข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในกรณีส่วนใหญ่หมายถึงการให้เนื้อหาที่มีความยาวอย่างน้อย 300 - 500 คำ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับหน้าและหัวข้อที่เกี่ยวข้อง (หมายเหตุ: หน้าผลิตภัณฑ์อาจจะหายไปด้วยคำที่น้อยลง)

Screenshot

In-depth, informative content is essential to SEO success.

6. ตรวจสอบโมบายเฟรนด์ลี่ของเว็บไซต์

อ้างอิงจาก รายงานของ comScore เมื่อกลางปี 2557 กล่าวว่าการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต ผ่านมือถือได้เข้ามายืดครองการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตจากคอมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในส่วนของประเทศอื่นๆ ที่เหลือในโลกก็กำลังมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในแนวทิศทางเดียวกัน
สิ่งสำคัญตอนนี้คือโมบายเฟรนด์ลี่เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งของ Google ด้วยการอัปเดตอัลกอริทึ่ม ‘Mobilegeddon’
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์นั้นเหมาะกับอุปกรณ์พกพาเพื่อรักษาอันดับเว็บไซต์ของคุณซึ่งเป็นสิ่งที่คุณสามารถตรวจสอบได้ผ่านเครื่องมือ Google’s Mobile Friendliness tool .
เครื่องมือนี้ตรวจสอบเพื่อดูว่าการออกแบบเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับอุปกรณ์พกพาหรือไม่

Screenshot

Examples of mobile friendly and non mobile friendly websites.

7. การตรวจสอบข้อมูลของ Backlink

Backlinks คือ ลิงก์บนเว็ปไซต์อื่นๆ ที่ชี้กลับมาหาเว็ปไซต์ ซึ่ง Backlinks สามารถเป็นเครื่องชี้วัดจากผู้ใช้เว็ปไซต์ในด้านของเว็ปไซต์ที่น่าเชื่อถือได้อีกด้วย

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมี Backlinks มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เว็ปไซต์นั้นมีความสามารถที่ดีขึ้นในการติดอับดับ โดยมีข้อยกเว้นบางอย่าง อาทิ การที่มี ‘Do Follow’ ของลิงก์จำนวนมากจาก Domain เดียวนั้นจะไม่ถูกยอมรับ และอาจถูกลงโทษโดย Google เช่น การที่หลายๆ ลิงก์นั้นเชื่อมโยงมาจาก เว็ปไซต์คุณภาพต่ำหรือเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง

พูดง่ายๆ คือ backlinks ที่มีประสิทธิภาพนั้นเกี่ยวกับด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ ซึ่ง backlinks ที่ผิดธรรมชาติสามารถนำไปสู่เว็บไซต์ที่ได้รับการลงโทษด้วยตนเอง ซึ่งฝ่าย สนับสนุนของ Google นั้นมีคำแนะนำโดยละเอียดซึ่งอธิบายถึงวิธีการลบ backlinks ที่ไม่ต้องการ การเริ่มขั้นตอนของการลบ Backlinks นั้นมี 2 ขั้นตอน อย่างแรกคือคุณควรที่จะดาวน์โหลดรายชื่อของลิงก์ที่กำลังชี้มาหาเว็บไซต์ของคุณ หลังจากนั้นสร้างและอัพโหลดไฟล์นั้นไปที่ Google ว่ารายชื่อเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องการที่จะลบออกจากเว็บไซต์ของเรา และเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการดำเนินการขั้นตอนนี้ คุณควรที่จะต้องหมั่นตรวจสอบหรือค้นคว้าเกี่ยวกับลิงก์บนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อยืนยันว่าลิงก์เหล่านั้นทั้งหมดเป็นที่ถูกต้องและเกี่ยวข้องกับบทความที่ถูกเชื่อมต่ออยู่

เตรียมพร้อมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ!

เมื่อคุณทำการวิเคราะห์เว็บไซต์ SEO ในเชิงลึกแล้ว พื้นที่ที่ต้องการการปรับปรุงจะโผล่ออกมาชัดเจน หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องง่ายของสำหรับการแก้ไของค์ประกอบเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเพื่อให้ได้อันดับ SERP ที่สูงขึ้น

เมื่อประเด็นที่น่ากังวลเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เว็บไซต์นั้นจะกลายเป็น ‘up to date’ ทันทีในแง่ของ SEO หลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการ Boost หรือดันอันดับ เพื่อ ‘Conversion rate’ การเพิ่มยอดลูกค้าและการได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น!

สำหรับการเปิดประสบการณ์และความรู้ด้านของ SEO ในประเทศไทย พร้อมกับการตรวจสอบ SEO โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อพวกเราได้เพราะเราพร้อมที่จะมอบกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง พร้อมใช้ความรู้และความสามารถทั้งหมดของเราในงานบริการด้าน SEO ให้กับคุณอย่างดีและครอบคลุมมากที่สุด

เราสามารถช่วยเพิ่มยอดขายผ่านการทำ SEO ได้ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน

Play Video

“จะได้ผลลัพธ์ดีขนาดไหน ถ้ารวมนักการตลาดดิจิทัลผู้เชี่ยวชาญ เข้ากับเทคโนโลยีในการทำแคมเปญสุดล้ำ”


พบกับ SENTR™

Our Results Do The Talking

Results lets relax Graph Results lets relax Graph
Results drivehub Graph Results drivehub Graph
Results land houses Graph Results land houses Graph

เพิ่มรายได้ของคุณ
ให้โตไวกว่าทำเอง
ถึง 10 เท่า

กรอกแบบฟอร์มนี้ แล้วเราจะติดต่อกลับไปเพื่อทำความเข้าใจธุรกิจและเป้าหมายของคุณ หากเราสามารถช่วยคุณได้ เราจะออกแบบกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เหมาะสำหรับธุรกิจคุณให้ฟรี

Get My SEO Audit

Please enter your details:

ตรวจสอบ
แผนการตลาด
ฟรี
Show Buttons
Hide Buttons