Keyword คืออะไร พร้อมแนะนำเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดใช้งานฟรี!

Keyword คือ คำ วลี หรือประโยคสำคัญที่ผู้ใช้งานใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการบน Search Engine พูดง่าย ๆ คือ อยากรู้หรืออยากได้อะไรก็แค่พิมพ์ลงไป แล้วในฐานะคนทำธุรกิจหรือทำเว็บไซต์ จะทำอย่างไรให้เว็บของคุณถูกค้นเจอเวลาคนเสิร์ชคำนั้น?

หากคุณกำลังทำธุรกิจแล้วต้องการขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ แล้วอยากให้หน้าเว็บ สินค้า หรือวิดีโอของคุณไปปรากฏในผลลัพธ์เวลาลูกค้าค้นหา สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจและละเลยไม่ได้ก็คือ “คีย์เวิร์ด (Keyword)” ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำ SEO และ SEM ทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตั้งชื่อสินค้าในร้านค้าออนไลน์หรือฐานข้อมูลอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสที่คนจะเสิร์ชเจอได้อีกด้วย

Keyword คืออะไร

Keyword คืออะไร

เวลาคุณอยากรู้คำตอบอะไรบางอย่าง คุณพิมพ์อะไรลงในช่องค้นหาบ้าง? สิ่งนั้นแหละเรียกว่า “คีย์เวิร์ด (Keyword)”

Keyword คือคำที่เราใช้ค้นหา ไม่ว่าจะบน Search Engine หรือการเลือกคำมาใช้ใน Google Ads ใน Youtube ใน Shopee Lazada หรือช่องค้นหาในฐานข้อมูลใด ๆ ก็ตาม ซึ่งอาจมีตั้งแต่คำสั้น ๆ ไปจนถึงวลีและประโยค เวลาใครอยากรู้อะไรก็จะพิมพ์คำหรือวลีนั้นลงไป 

ตัวอย่าง Keyword ก็อย่างเช่น หากคุณต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ก็สามารถค้นหาด้วยคำว่า “SEO คืออะไร” หรือหากกำลังหาที่พักในหัวหิน ก็สามารถพิมพ์คำว่า “โรงแรม หัวหิน ติดทะเล” ลงไปในช่องค้นหาได้เลย สำหรับบทความนี้ เราจะโฟกัสที่คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO เป็นหลัก แต่สามารถใช้เป็นไอเดียสำหรับคีย์เวิร์ดบนช่องทางอื่น ๆ ได้เช่นกัน

keyword คืออะไร ประเภทของ keyword

Keyword มีกี่ประเภท

แน่นอนว่า คงไม่มีใครสามารถเสิร์ชเป็นคำสั้น ๆ ได้ตลอดไป เพราะคำโดดเพียงคำเดียวนั้นกินความหมายกว้างและไม่ช่วยให้คุณได้คำตอบที่ต้องการ หลายครั้งจึงมีการใช้คีย์เวิร์ดที่ยาวหรือเฉพาะเจาะจง หรือมีลักษณะเป็นประโยคมากขึ้น คีย์เวิร์ดมีหลายประเภท ดังนี้

Head Keyword

  • เป็นคำกว้าง ๆ หรือคำโดดเพียงคำเดียวที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือหัวข้อที่ต้องการค้นหา
  • Head Keyword มีปริมาณการค้นหาสูงและเป็นองค์ประกอบของคีย์เวิร์ดคำอื่นที่เกี่ยวข้องกับคำคำนี้ แต่มี Conversion ต่ำ เนื่องจากไม่มีคำที่ระบุจุดประสงค์ในการค้นหาที่จะมาช่วยตีวงแคบให้กลุ่มเป้าหมายได้คำตอบที่ต้องการ 
  • ตัวอย่าง Keyword ประเภทนี้ เช่น 
    • รองเท้า 
    • สมาร์ตโฟน 
    • เฟอร์นิเจอร์ 
    • ประกันรถยนต์

Niche Keyword (Medium Tail Keyword)

  • Niche Keyword คือคำหรือวลีที่มีความยาวกว่า Head Keyword ขึ้นมาเล็กน้อย โดยจะมี Head Keyword เป็นองค์ประกอบหลักอยู่ และเพิ่มคำที่เฉพาะเจาะจงหรือบอกจุดประสงค์ในการค้นหาเพิ่มเติมเข้าไป
  • ตัวอย่าง Niche Keyword เช่น 
    • ซื้อรองเท้ากีฬา
    • สมาร์ตโฟน ราคา
    • เฟอร์นิเจอร์ มือสอง
    • ประกันรถยนต์ ชั้น 1
  • จะเห็นว่าคำที่เรานำไปเติม Head Keyword นั้นเป็นคำที่ช่วยขยายความหรือบอกวัตถุประสงค์ เช่น “ประกันรถยนต์ ชั้น 1” จะช่วยให้ Google รู้ว่าเราต้องการหาประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่ใช่ชั้น 2 หรือ 3

Long Tail Keyword

  • ส่วน Long Tail Keyword คือ Keyword ที่มีลักษณะเป็นวลีหรือประโยคยาว ๆ ซึ่งถึงแม้จะมีปริมาณการค้นหาต่ำ แต่แสดงรายละเอียดเฉพาะเจาะจงและสะท้อนสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการได้ดีที่สุด จึงมี Conversion สูง
  • ตัวอย่าง Long Tail Keyword เช่น 
    • ซื้อรองเท้ากีฬา nike ออนไลน์
    • สมาร์ตโฟน ราคาไม่เกิน 5000 กล้องสวย
    • ซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองที่ไหนดี
    • ประกันรถยนต์ ชั้น 1 ผ่อน 0% ไม่ใช้บัตรเครดิต

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้คีย์เวิร์ดที่สื่อถึงคำนิยาม และคีย์เวิร์ดบอกโลเคชั่น เพื่อช่วยทำให้คำคำนั้นเฉพาะเจาะจง ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เช่น “ประกันรถยนต์คืออะไร” หรือ “ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง นนทบุรี” เป็นต้น

Keyword สำคัญอย่างไร ทำไมคนทำเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญ

Keyword คือตัวช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอเว็บไซต์ของคุณ

ลองนึกภาพว่า ท่ามกลางหน้าเว็บอีกเป็นพันเป็นหมื่นเว็บที่อาจพูดถึงเรื่องเดียวกัน จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้เว็บคุณโดดเด่นออกมาอยู่อันดับบน ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกมากที่สุด? สิ่งนั้นก็คือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ทั้งในแง่ของเนื้อหาและสถิติการค้นหานั่นเอง

เพราะการซื้อของแบบออฟไลน์ ลูกค้ายังมีโอกาสผ่านไปผ่านมาตามที่ต่าง ๆ แล้วเห็นร้านคุณ แต่ในโลกออนไลน์ การที่คนจะเจอเว็บไซต์ของคุณต้องอาศัยคีย์เวิร์ดเป็นทั้งป้ายบอกทางและตัวกรอง ไม่เช่นนั้นแล้ว คงยากที่คนจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณลงไปเอง

Keyword คือตัวช่วยในการวางแผนทำคอนเทนต์ที่ดี

นอกจากจะเป็นตัวเชื่อมให้ลูกค้ารู้จักเว็บไซต์แล้ว คีย์เวิร์ดยังช่วยเป็นตัวตั้งต้นในการเริ่มทำคอนเทนต์และการโปรโมต ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบล็อกหรือทำหน้าเว็บใหม่ โดยสามารถเลือกหัวข้อที่สัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดเพื่อให้หน้าต่าง ๆ ในเว็บไซต์มีความเกี่ยวข้องกันและใส่ลิงก์เชื่อมโยงกันไปมาได้เลย

แจกเครื่องมือค้นหา Keyword อย่างง่าย ไม่ต้องเสียเงินก็ทำได้!

keyword คืออะไร วิธีการค้นหา keyword

Google Suggestion

วิธีแรกที่ง่ายที่สุดคือการหาไอเดียจาก Google Suggestion หรือก็คือผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องที่โชว์ให้คุณเห็นตอนกำลังเสิร์ชคำใดคำหนึ่งลงไปดังในภาพนี้  

หรือสามารถดูที่ Related searches ในตำแหน่งท้ายสุดของหน้าผลลัพธ์การค้นหาก็ได้ ตามตัวอย่างในภาพด้านล่างนี้

ตัวอย่างการทำ keyword research

Google Keyword Planner

Google Keyword Planner เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมโดยผ่านฐานข้อมูลของ Google โดยตรง วิธีการใช้งาน คือ 

  • สมัครและเข้าใช้งานบัญชี Google Ads จากนั้นจึงไปที่ Tools > Planning > Keyword Planner
  • เลือก Discover New Keywords เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณได้ไอเดียคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ โดยสามารถป้อนคำค้นหาที่สนใจลงไป พร้อมเลือกโลเคชั่น จากนั้น Google จะแสดงผลลัพธ์เป็น Keyword Ideas พร้อมผลการค้นหาและข้อมูลตัวเลขอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดได้ง่ายขึ้น

โดยผลลัพธ์จาก Google Keyword Planner สามารถใช้เป็นไอเดียทำ SEO หรือใช้เป็นข้อมูลประกอบเวลาต้องการวางงบประมาณทำ Google Ads ได้เลย เพราะโปรแกรมนี้จะมีการใช้ธีมคีย์เวิร์ดเพื่อให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นผ่านการจัดกลุ่มของคีย์เวิร์ดในธีมเดียวกัน

แล้วธีมคีย์เวิร์ดคืออะไร? ธีมคีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่แทนกลุ่มคำที่คล้ายกันอีกหลายรายการ ซึ่งหากคุณเลือกให้โฆษณาของคุณแสดงผลเมื่อลูกค้าค้นหาคำใดคำหนึ่งในธีม เช่น “ร้านอาหาร” โฆษณาของคุณก็สามารถแสดงผลเมื่อลูกค้าค้นหาคำอื่นในธีม “ร้านอาหาร” ได้ด้วยเช่นกัน เช่น “ร้านอาหารใกล้ฉัน” “ร้านอาหาร ราคา” 

keyword คืออะไร ค้นหา keyword ด้วย google trend

Google Trend

Google Trend ก็ใช้ทำ Keyword Research อย่างง่ายได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถเสิร์ชคำที่สนใจ หรือดูผลการค้นหาที่กำลังเป็นเทรนด์ในช่อง Recently trending ได้เลย

Ubersuggest

Ubersuggest เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดจาก Neil Patel ที่คุณสามารถใช้งานได้ฟรี 3 ครั้งต่อวัน หรือใครจะซื้อแพ็กเกจเพื่อปลดล็อกการใช้งานที่มากขึ้นก็ได้ โดยคุณสามารถใส่คีย์เวิร์ดหรือโดเมนที่ต้องการลงในช่องค้นหาเพื่อดู Search Volume, SEO Difficulty, Cost per Click และ Paid Difficulty ได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ubersuggest ได้ที่นี่)

5 ลักษณะของ Keyword ที่ดีที่คุณควรเลือกใช้

เมื่อรู้วิธีค้นหาคีย์เวิร์ดไปแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนควรเลือกมาใช้บ้าง? Keyword ที่ดีคือคำที่มีคุณสมบัติเหล่านี้

  1. มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ : เช่น หากหน้านั้นเป็นหน้าขายสินค้าประเภทโซฟา ก็ควรเลือกเฉพาะคำที่เกี่ยวข้อง หรือบอกคุณสมบัติ ประเภท ชื่อรุ่น เฉพาะของโซฟาเท่านั้น
  2. แข่งขันได้ : เป็นคำที่มีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นคำที่คู่แข่งยังไม่ใช้
  3. มีประสิทธิภาพตามเวลาและงบประมาณ : เป็นคำที่สามารถทำให้หน้าเว็บติดอันดับได้จริง ๆ ตามเวลาและงบประมาณที่มี ไม่ใช่คำที่ยากเกินไป ดูเป็นไปไม่ได้ หรือไม่มีคนเสิร์ชจริง
  4. Search Volume และ Search Intent สมดุลกัน : เลือกคำที่มีทั้งปริมาณการเสิร์ชและคำที่สื่อถึงจุดประสงค์ในการเสิร์ชชัดเจน เช่น จากเดิมคำว่า “โทรศัพท์ ซัมซุง” ที่มี Search Volume สูงอยู่แล้วก็อาจเพิ่ม Search Intent ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็น “ซื้อ โทรศัพท์ ซัมซุง” ก็จะช่วยเพิ่มความชัดเจนมากขึ้นว่าคนเสิร์ช “ต้องการซื้อ” 
  5. คีย์เวิร์ดช่วยเพิ่มยอดขาย : เลือกคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพในการดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้ เช่น “ฝักบัว ราคาถูก” หรือคำที่เป็นผลดีต่อสินค้าและแบรนด์ในระยะยาว เช่น “กระเบื้องคุณภาพ

ได้รู้จักแล้วว่า Keyword คืออะไรและสำคัญอย่างไร หากใครอยากทดลองทำ Keyword Research เองบ้างก็สามารถใช้เครื่องมือพร้อมคำแนะนำที่เรานำมาฝากในบทความนี้เป็นไอเดียตั้งต้นได้เลย ส่วนธุรกิจของใครต้องการที่ปรึกษาที่สามารถช่วยคุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพ พร้อมวิเคราะห์กลยุทธ์ในการทำ SEO และ SEM สามารถปรึกษาทีมการตลาดออนไลน์จาก Primal ได้ที่ 02-030-8000