Youtube SEO คืออะไร ทำยังไงให้วิดีโอติดแรงค์บนหน้าค้นหา?

หากพูดถึง SEO หลายคนอาจจะนึกถึงการทำบทความเท่านั้น และแน่นอนว่าชื่อของเครื่องมือค้นหาหรือ Search Engine อย่าง Google มีความเกี่ยวข้องกับการทำการทำ SEO ด้วยเช่นกัน แต่รู้หรือไม่ว่ารูปแบบของการทำ SEO ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การทำบทความเท่านั้น เพราะหัวใจหลักของการทำ SEO คือ การที่เราจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านการใช้เครื่องมือค้นหา ดังนั้นคุณไม่ควรที่จะจำกัดการทำ SEO ให้อยู่เพียงแค่ในบทความ เพราะยังมีแพลตฟอร์มและเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และในจำนวนที่มากขึ้น  

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มให้บริการสตรีมวิดีโออย่าง Youtube ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่มี Youtube Content Creator ถือกำเนิดขึ้นมากมายและพัฒนามาเป็น Influencer ที่มียอดการติดตามหลักแสนไปจนถึงหลักล้าน ด้วยเหตุนี้จึงมีการทำการตลาดบนยูทูปเกิดขึ้น และสิ่งนั้นเรียกว่า Youtube SEO

Youtube SEO คืออะไร? 

Youtube SEO คือ การตลาดออนไลน์ประเภทหนึ่งของ Video SEO โดยจะเป็นการทำคอนเทนต์วิดีโอบนแพลตฟอร์มยูทูปให้ติดอยู่ในอันดับบน ๆ ของหน้าค้นหา หากมีผู้ใช้งานเสิร์ชหาข้อความนั้น ๆ  

ฟังดูอาจจะแปลกแต่แพลตฟอร์มวิดีโออย่าง Youtube ถือว่าเป็นเครื่องมือค้นหาชนิดหนึ่งเช่นกัน ที่สำคัญแพลตฟอร์มยูทูปเป็น Social Media ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว โดยสถิติในปี 2021 ประเทศไทยมีผู้ใช้งานยูทูปอยู่ที่ราว ๆ 50.76 ล้านยูเซอร์ และจำนวนชั่วโมงการใช้งานของยูเซอร์ชาวไทยนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.9 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว ดังนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากหลากหลายแบรนด์เริ่มให้ความสนใจในการทำการตลาดผ่านการทำ Youtube SEO มากยิ่งขึ้น เพราะจากสถิติด้านบนก็จะเห็นได้ว่า แพลตฟอร์มยูทูปนั้นสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างการเติบโตของยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำ Youtube SEO ยังไง? 

1. หา Keywords

ไม่ว่าจะเป็น SEO ในรูปแบบไหน Keywords ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ดี แต่ Keywords สำหรับการทำ Youtube SEO นั้น จะมีความแตกต่างจากการทำ SEO แบบทั่วไปอยู่เพียงเล็กน้อย ตรงที่ข้อความส่วนมากที่ผู้ชมใช้ค้นหามักจะอยู่ในประเภท “ทำ…ยังไง?” (How to) หรือมักจะเป็นการค้นหาที่เกี่ยวกับการรีวิวสินค้า, ร้านอาหารและประสบการณ์ในการท่องเที่ยวต่าง ๆ มากกว่าการค้นหาข้อมูลว่าสิ่งนั้น ๆ คืออะไร

วิธีแรกที่คุณสามารถใช้หา Keywords ที่กำลังได้รับความนิยมแบบง่าย ๆ ก็คือ การพิมพ์ไอเดียในสิ่งที่คุณต้องการสำหรับการทำวิดีโอลงไปที่ช่องค้นหาของ Youtube จากนั้นจะมีลิสต์ที่แสดงขึ้นมา ซึ่ง Keywords เหล่านี้จะบ่งบอกถึง Keywords ที่ได้รับความนิยม ซึ่งคุณสามารถนำไปเป็นไอเดียกับการคิด Keyword ต่อได้

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่สามารถช่วยค้นหา Keyword ที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้ง Afrefs Keyword Generator, UberSuggest, Adwords Keyword Planner ซึ่งข้อดีคือ เครื่องมือเหล่านี้จะให้ข้อมูลในเชิงลึก เช่นจำนวนครั้งที่มีการค้นหา (Search Volume) และ Cost Per Click บอกเอาไว้ด้วย

2. ตั้งชื่อวิดีโอและเขียนคำอธิบายให้เหมาะสม

ถึงแม้ว่าจะเป็น Youtube SEO แต่รูปแบบการทำงานของเครื่องมือค้นหานั้นยังคงเหมือนกัน การตั้งชื่อและเขียนคำอธิบายที่กระชับ ได้ใจความและบ่งบอกถึงเนื้อหาในวิดีโอได้นั้น ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ระบบของเครื่องมือค้นหาสามารถจับข้อความและประมวลผลออกมาได้ ว่าวิดีโอของคุณมีเนื้อหาแบบไหนและสำคัญต่อการค้นหานั้น ๆ อย่างไร ซึ่งจะส่งผลถึงการจัดอันดับบนหน้าการค้นหาได้อีกด้วย 

  อีกทั้งการที่มีชื่อวิดีโอและคำบรรยายที่ดียังสามารถดึงดูดผู้ชมให้มีความสนใจในวิดีโอของคุณได้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาจะรู้ได้ในทันทีว่า วิดีโอของคุณตอบโจทย์การค้นหาของพวกเขาหรือไม่ ดังนั้นอย่าลืมใส่ Keyword ลงไปในชื่อวิดีโอและคำอธิบายอย่างเหมาะสมด้วยล่ะ

3. อย่าลืมใส่แท็ก

สิ่งหนึ่งที่การทำ Youtube SEO แตกต่างจากการทำ SEO ทั่วไปคือการใช้งาน แท็ก (tags) ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้วิดีโอของคุณมียอดเข้าชมและสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น สำหรับการเลือกแท็กนั้นควรเลือกให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของวิดีโอและอย่าใช้น้อยหรือมากเกินไป โดยจำนวนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 10-12 แท็ก

4. Thumbnail สำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้

เวลาที่เราเข้าไปใช้งาน Youtube สิ่งที่ช่วยนำสายตาของเราอยู่เสมอก็คือภาพปกหรือ Thumbnail ซึ่งในหลาย ๆ ครั้ง เหล่าผู้ชมมักจะเลือกกดเข้าไปดูวิดีโอนั้น ๆ จากภาพหน้าปกเพียงอย่างเดียว ดังนั้นคุณจึงต้องใส่ใจกับการสร้างสรรค์ภาพ Thumbnail ด้วยเช่นกัน โดยอาจเน้นไปที่การออกแบบให้ดูสบายตา มีความน่าสนใจและยังบอกรายละเอียดของเนื้อหาในวิดีโอได้อย่างครบถ้วน รวมถึงอาจมีข้อความหรือ keyword สั้น ๆ ใส่เอาไว้ด้วย

5. ใครว่าคำบรรยาย (Closed Caption) ไม่สำคัญ

ในบทความ SEO ระบบของ Search Engine จะพิจารณาจากเนื้อหาในบทความนั้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าพอมาเป็น Youtube SEO การที่ระบบจะตรวจจับจากเนื้อหาภายในวิดีโอคงเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นการสร้างคำบรรยาย (Closed Caption) นอกจากจะสร้างความสะดวกสบายให้ผู้รับชมได้เข้าใจถึงเนื้อหาในวิดีโอของคุณแล้ว  ยังช่วยให้ระบบของทาง Youtube ประมวลผลเนื้อหาในวิดีโอของคุณได้อย่างแม่นยำอีกด้วย ซึ่งปกติแล้ว เวลาที่เราอัปโหลดวิดีโอ จะมีการสร้างคำบรรยายอัตโนมัติให้อยู่แล้ว ซึ่งความแม่นยำถูกต้องจะอยู่ที่เพียง 70% ดังนั้นเพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้อยู่ที่ 100% คุณควรที่จะใส่ Closed Caption เข้าไปด้วยเช่นกัน 

6. สร้างเพลย์ลิสต์ช่วยได้เยอะ!

การสร้างเพลย์ลิสต์นั้นไม่เพียงสร้างความสะดวกให้กับผู้รับชม แต่ยังช่วยให้อัตรายอดเข้าชมวิดีโอต่าง ๆ ในช่องของคุณเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย โดยการสร้างเพลย์ลิสต์นั้นให้คุณโฟกัสกับวิดีโอที่มีหัวข้อที่เกี่ยวข้องกัน และรวบรวมมาไว้ในเพลย์ลิสต์เดียวกัน ซึ่งอาจจะดูเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มยอดเข้าชมและการกดติดตามให้กับช่องยูทูปของคุณได้เป็นอย่างมาก!

7. ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม!

จุดที่ทำให้ Youtube SEO ต่างจาก SEO ทั่วไปมากที่สุดก็คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของการทำให้วิดีโอให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีประสิทธิภาพ โดยปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ในด้านเนื้อหาและการนำเสนอ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้วิดีโอของคุณน่าติดตามมากยิ่งขึ้นแล้ว การสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมยังช่วยลดช่องว่างระหว่างคุณกับกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย อีกทั้งผู้ชมจะรู้สึกว่าคุณกำลังพูดคุยอยู่กับพวกเขาจริง ๆ นอกจากนี้คุณอาจจะต้องพูดเชิญชวนให้ผู้ชมกดไลก์, กดแชร์และกดติดตามช่องวิดีโอของคุณด้วย และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้เรื่องใดก็คือ เวลาที่ผู้ชมมาคอมเม้นต์อย่าลืมกดถูกใจและตอบกลับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงเท่านี้ รับรองได้เลยว่าคุณจะมีฐานผู้ติดตามที่มากขึ้นอย่างแน่นอน!

8. ติดตามผลหลังอัพโหลดเสมอ!

การทำการตลาดไม่ว่าจะรูปแบบทั่วไปหรือแบบออนไลน์ การติดตามผลลัพธ์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ เพราะจะเป็นการคอยเช็กประสิทธิภาพการทำงานและแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เราลงมือทำไป แต่ในบริบทของ Youtube นั้น คุณสามารถเข้าไปเช็กผลได้ที่ Youtube Studio แล้วเลือกเครื่องมือ Analytics เพื่อดูความยาวโดยเฉลี่ยที่ผู้ชมดูวิดีโอของคุณ (Watch Time) ซึ่งหากวิดีโอของคุณมี Watch Time ที่สูง นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว แต่หากยังต่ำอยู่ คุณอาจต้องย้อนกลับมาดูว่ามีจุดไหนที่พลาดไปและควรแก้ไขให้ดีขึ้น 

สรุป

การทำ Youtube SEO นั้นอาจจะมีรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนที่มากกว่า SEO ในรูปแบบทั่วไป และอาจจะต้องใช้เทคนิคทางการตลาดและการสร้างสรรค์อื่น ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มขึ้น ที่อาจจะไม่มีวิธีหรือรูปแบบที่ตายตัวเสมอไป ดังนั้นหากคุณสนใจที่จะเริ่มทำการตลาดผ่านเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลที่สุดนี้ ก็อย่าลืมวางแผนและจัดการ รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีด้วย เราเชื่ออย่างยิ่งว่า หากคุณทำคอนเทนต์ออกมาได้อย่างมีคุณภาพและตรงตามมาตราฐานของ SEO คุณก็จะได้ผลตอบรับชนิดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว!