Instagram SEO คืออะไร? ช่องทางการดันแรงก์ที่หลายคนอาจมองข้าม

หากพูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) หลายคนก็น่าจะนึกถึงการเขียนบล็อกโดยใช้คีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google แต่สิ่งที่ยังใหม่ในวงการนี้ และอาจจะทำให้ถูกมองข้ามไป ก็คือความจริงที่ว่าปัจจุบันนี้เราสามารถทำ SEO บน Instagram ได้แล้ว!

การทำ Instagram SEO นั้นเรียกได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ อย่างมาก เพราะในยุคนี้ ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ต้องมีบัญชีไอจีเป็นของตนเอง ประกอบกับผู้บริโภคส่วนมากก็มักใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวในการชอปปิง ซึ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นค้นหาคีย์เวิร์ดสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราขายเมื่อใด การทำ SEO ในไอจีก็จะช่วยให้โพสต์ต่าง ๆ ของเราถูกค้นเจอง่ายขึ้น โดยบทความนี้จะมาบอกอย่างละเอียดว่า Instagram SEO คืออะไรและทำอย่างไร

วิธีทำ SEO บน Instagram

Instagram SEO คืออะไร?

ท่ามกลางผู้ใช้งาน Instagram มากกว่าหนึ่งพันล้านคน เราจะทำอย่างไรให้ตัวเองถูกมองเห็นมากที่สุด? หากกำลังมองหาคำตอบของโจทย์นี้อยู่ บอกเลยว่ามาถูกบทความแล้ว! เพราะ Instagram SEO คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการสร้างความโดดเด่นให้แก่แบรนด์ของเรา และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้ผ่านการค้นหาแบบออร์แกนิก (Organic Search)

Instagram Search Engine Optimization หรือ Instagram SEO คือ วิธีทำให้บัญชีของเราสามารถถูกค้นหาเจอบนช่องทางไอจีได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยสิ่งสำคัญหลัก ๆ ที่เราควรโฟกัสก็คือการทำ Keyword Research หรือการสร้างคีย์เวิร์ดที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ใช้งานค้นหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบอัลกอริทึมของ Instagram จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาคอนเทนต์ที่มีคำตรงกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ และเลือกคอนเทนต์ที่ดีที่สุดมานำเสนอแก่ผู้ค้นหา

อย่างไรก็ตาม คีย์เวิร์ดที่ใช้สามารถใส่ไว้ได้ทั้งตรงแคปชันของโพสต์และแฮชแทก หรือจะใส่ทั้งสองที่ก็ได้ แต่ควรกระจายกันอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ เพื่อที่ระบบอัลกอริทึมจะได้มองว่าคอนเทนต์ของเรามีคุณภาพมากพอที่จะนำขึ้นมาจัดอันดับให้กลุ่มเป้าหมายของเราค้นเจอได้ง่ายขึ้น

 

ข้อดีของการทำ Instagram SEO คืออะไร?

  • มีคนเข้ามาเห็นโพสต์มากขึ้น และได้ผู้ติดตามใหม่ ๆ เพิ่มจากการค้นหา
  • ได้กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและความต้องการในการซื้อสินค้าหรือบริการจริง ๆ เพราะการที่คนเหล่านั้นใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหา ก็หมายความว่ามีความตั้งใจจะซื้ออยู่แล้วไม่มากก็น้อย
  • ไม่จำเป็นต้องสร้างแฮชแทกที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแบบเป๊ะ ๆ ระบบก็สามารถแสดงผลลัพธ์ได้อย่างใกล้เคียง
  • ทำให้เราสามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพราะการทำ SEO ใน Instagram นั้นต้องมีการศึกษาตลาดคู่แข่งด้วยว่าแบรนด์อื่น ๆ มีการนำเสนอคอนเทนต์อย่างไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้หาจุดแข็งของตนเองและนำเสนอออกมาในรูปแบบที่แตกต่างไปจากแบรนด์เหล่านั้น
  • สามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ จากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์อื่น ๆ ด้วยทำธุรกิจแบบพาร์ตเนอร์ชิป (Partnership) ซึ่งแชร์กลุ่มเป้าหมายร่วมกันได้

 

เทคนิคการทำ SEO บน Instagram

เมื่อรู้จักแล้วว่า Instagram SEO คืออะไร ขั้นต่อไปเรามาดูกันว่าเทคนิคการทำ SEO ในไอจีนั้นมีอะไรบ้าง และเราจะสามารถโปรโมตแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นได้อย่างไร โดยกลยุทธ์หลัก ๆ ได้แก่

เลือกคีย์เวิร์ดยอดนิยมมาเขียนคอนเทนต์

แน่นอนว่าวิธีนี้เป็นวิธีสุดเบสิกที่คนทำ SEO ทุกคนต้องรู้ นั่นก็คือการใช้คีย์เวิร์ดนั่นเอง โดยเราต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนว่าในช่วงนั้น ๆ มีคีย์เวิร์ดใดบ้างที่คนชอบใช้ค้นหา แล้วนำคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาสร้างคอนเทนต์ของตนเอง เพื่อที่เวลาผู้ใช้งานค้นหาจะได้เจอโพสต์ของเราเป็นอันดับแรก ๆ

ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเซิร์ชคำว่า “เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี” ก็จะเจอคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่มีคีย์เวิร์ดดังกล่าวอยู่ในแคปชันปรากฏขึ้นมา 

ควรใส่คีย์เวิร์ดลงไปในไบโอฯ (Biography) ด้วย

เนื่องจากปัจจุบันนี้ อัลกอริทึมไม่ได้แค่สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์หรือรูปภาพ (ALT Text) อย่างเดียวแล้ว แต่ยังแสดงผลการค้นหาที่มาจากแหล่งโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย หากว่าบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ มีการใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ดังนั้น การที่เราใช้คีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหาเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานั้น ก็จะทำให้คอนเทนต์ของเราได้รับการมองเห็นมากขึ้น แต่นอกจากใส่คีย์เวิร์ดลงไปในแคปชันหรือแฮชแทกแล้ว สิ่งที่ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรพลาดก็คือการเพิ่มคีย์เวิร์ดในส่วนของโพรไฟล์หลัก หรือที่เรียกว่า “ไบโอฯ” นั่นเอง เพื่อที่เวลามีคนค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเราบน Google ผลการค้นหาก็จะแสดงบัญชีร้านของเราขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ และให้ผู้ใช้เหล่านั้นคลิกลิงก์มายังหน้าไอจีของเราได้ทันที

ใช้เครื่องมือทางการตลาดเพื่อให้เข้าใจลูกค้ายิ่งขึ้น

หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจคือ การเข้าใจลูกค้าผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งการที่เราจะทำเช่นนั้นได้ ไม่ใช่แค่เพียงรับฟังฟีดแบ็กจากลูกค้าเท่านั้น แต่การทำการตลาดในยุคดิจิทัลจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการช่วยหาข้อมูล เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยหนึ่งในเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้คือ เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาคีย์เวิร์ด เช่น Keyword Planner หรือ Ubersuggest เป็นต้น

ทั้งสองเครื่องมือข้างต้นนี้จะช่วยแสดงผลให้เราทราบว่าคีย์เวิร์ดที่เราต้องการใช้นั้นเป็นที่นิยมในพื้นที่ใดบ้าง หรือมีคีย์เวิร์ดใกล้เคียงอื่น ๆ อีกหรือไม่ที่เหมาะสมต่อการนำไปทำคอนเทนต์ โดยการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการทำแคมเปญโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถต่อยอดธุรกิจได้อย่างราบรื่น

เลือกโพสต์ให้ถูกเวลา

ในฐานะนักการตลาดออนไลน์ จะโพสต์โซเชียลมีเดียทั้งทีก็ไม่ควรทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะถ้าหากลงผิดเวลาขึ้นมา ยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) ก็จะหายไปเกือบครึ่ง! โดยการจะรู้เวลาที่เหมาะสมได้นั้นไม่ยากเลย เพราะ Instagram มีฟังก์ชันที่คอยช่วยเหลือเราให้สามารถวิเคราะห์ออกมาเป็น Data Visualization ได้ นั่นก็คือเครื่องมือวัดผล Insights ที่อยู่ใน “Insight Instagram” ตัวช่วยวิเคราะห์หาวันและช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายหรือผู้ติดตามของเรามักออนไลน์มากที่สุด ให้เราได้เลือกโพสต์คอนเทนต์ในวันและเวลานั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการมองเห็นและไม่ถูกคอนเทนต์อื่น ๆ กลบทับ

ใช้แฮชแทกให้เหมาะสม

กลยุทธ์นี้หลาย ๆ คนที่ทำการตลาดออนไลน์น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะการใช้แฮชแทกเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของ Instagram SEO โดยเทคนิคการใช้แฮชแทกที่ถูกต้องเพื่อให้คอนเทนต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้นและสามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ในวงกว้างได้ จะต้องเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม หรือแฮชแทกที่กำลังติดเทรนด์ในช่วงเวลานั้น ๆ และที่สำคัญคือไม่ควรใช้เยอะจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้ดูเหมือนสแปมแล้ว ยังอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายเลื่อนผ่านคอนเทนต์ของเราไปอย่างไม่ใส่ใจอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น Instagram ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้แฮชแทกเพื่อโปรโมตบัญชี ผลพบว่า

  • การใช้แฮชแทกที่มีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คน ส่งผลให้มีผู้เข้าถึงโพสต์ดังกล่าวเฉลี่ย 22 ครั้ง
  • โพสต์ที่มีแคปชันที่ใช้แฮชแทกได้รับยอดการมีส่วนร่วมมากกว่าโพสต์ที่ไม่มีแฮชแทก
  • การซ่อนแฮชแทกไว้ข้างล่างเพื่อไม่ให้ปะปนกับเนื้อหาในแคปชันจะดึงดูดสายตาผู้ชมได้ดีกว่า

 

สรุป

ดังนั้น SEO ในยุคนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเขียนบล็อกลงเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังสามารถทำบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Instagram ได้ เพื่อที่คอนเทนต์ของเราจะถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นบนแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่ได้ขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ บน Google หากเรามีการใช้คีย์เวิร์ดที่ผู้คนนิยมค้นหากันในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งการจะทำ SEO ใน Instagram ให้มีประสิทธิภาพได้ เราควรมีเครื่องมือทางการตลาดเข้ามาช่วยวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลมีความแม่นยำยิ่งขึ้น แล้วเราจะได้เข้าใจในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตนเองว่า พวกเขากำลังสนใจอะไร ต้องการอะไร แล้วนำมาต่อยอดว่าเราควรสร้างคอนเทนต์แบบไหนให้โดนใจคนเหล่านั้น อันจะนำมาซึ่งการเติบโตของธุรกิจนั่นเอง